คำพิพากษาล่าสุดของศาลฎีกา ที่ 46222 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2023 เป็นโอกาสสำคัญในการพิจารณาความผิดฐานยักยอกทรัพย์และข้อกำหนดที่นิยามองค์ประกอบทางจิตใจของการกระทำผิดดังกล่าว คำตัดสินนี้เกี่ยวข้องกับคดีของ A.A. ซึ่งถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินจำนวนหนึ่งในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของสถาบัน อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์ได้ยกเว้นความรับผิดของเธอเนื่องจากขาดเจตนา อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาได้ยอมรับคำร้องของอัยการสูงสุด โดยชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งในคำให้การของศาลอุทธรณ์
ในกระบวนการพิจารณา ศาลอุทธรณ์มิลานได้พิพากษายกฟ้อง A.A. ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดยเห็นว่าการดำเนินการที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นการเบิกเงินล่วงหน้าตามที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดได้โต้แย้งการตีความนี้ โดยเน้นว่าองค์ประกอบทางจิตใจของการกระทำผิดนั้นไม่ได้ถูกพิจารณาอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาลอุทธรณ์ได้สับสนระหว่างการรับรู้และเจตนาในการยักยอกทรัพย์ กับเหตุผลที่เป็นไปได้ที่กระตุ้นให้จำเลยกระทำการดังกล่าว
ศาลฎีกาได้ชี้แจงว่าองค์ประกอบทางจิตใจของความผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้น กำหนดโดยการรับรู้และเจตนาในการยักยอกเงิน โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลของการกระทำ
ตามมาตรา 314 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ กำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องมีอำนาจในการครอบครองเงินหรือทรัพย์สินของรัฐ และต้องมีเจตนาที่จะยักยอกทรัพย์ดังกล่าว ศาลได้เน้นย้ำว่า แม้ A.A. จะได้คืนเงินดังกล่าวแล้ว ก็ไม่ได้ยกเว้นความรับผิดของเธอ เนื่องจากเธอได้คืนเงินหลังจากถูกกล่าวหาเท่านั้น นอกจากนี้ การมีอยู่ของเหตุผลปลอมในใบสั่งจ่ายเงิน ยังแสดงให้เห็นถึงเจตนาในการยักยอกเงินดังกล่าวเพิ่มเติม
คำพิพากษาที่ 46222/2023 ของศาลฎีกา ถือเป็นการชี้แจงที่สำคัญเกี่ยวกับลักษณะของเจตนาในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ โดยเน้นย้ำว่าเจตนาในการยักยอกทรัพย์สินของรัฐ ไม่สามารถถูกยกเว้นได้ด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือแรงจูงใจส่วนบุคคล แต่ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานที่เป็นรูปธรรม การส่งเรื่องไปยังแผนกอื่นของศาลอุทธรณ์มิลานเพื่อพิจารณาคดีใหม่ จะช่วยให้สามารถทบทวนคดีตามหลักการเหล่านี้ได้ ซึ่งจะรับประกันการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น