คำพิพากษาที่ 33700 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2023 ซึ่งออกโดยศาลฎีกา (Corte di Cassazione) ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับหลักการ 'favor innocentiae' ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 531 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาลได้มีคำวินิจฉัยในคดีของจำเลย G. P.M. Seccia Domenico เกี่ยวกับประเด็นการระงับคดีอาญาและการพิสูจน์เวลาที่กระทำความผิด
ข้อเท็จจริงในคดีที่พิจารณาได้นำไปสู่การที่ศาลตัดสินว่า 'favor innocentiae' ไม่สามารถนำมาอ้างได้ในกรณีที่ไม่มีการพิสูจน์ 'tempus commissi delicti' หลักการทางกฎหมายนี้หมายความว่า หากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสาเหตุของการระงับคดีอาญา ผู้พิพากษาจะต้องประกาศว่าไม่ต้องดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม ในกรณีเฉพาะนี้ การขาดการพิสูจน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับเวลาที่กระทำความผิดได้ทำให้หลักการนี้ไม่สามารถนำมาใช้ได้
คำวินิจฉัยตามมาตรา 531 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ขอบเขตการบังคับใช้ - การระบุ - การไม่พิสูจน์เวลาที่กระทำความผิด - การยกเว้น ในประเด็นของการประกาศระงับคดีอาญา 'favor innocentiae' ตามมาตรา 531 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งผู้พิพากษาจะประกาศว่าไม่ต้องดำเนินการต่อไปเมื่อมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสาเหตุของการระงับคดีอาญา จะไม่นำมาใช้ในกรณีที่ไม่มีการพิสูจน์ 'tempus commissi delicti'
คำพิพากษาที่เป็นบรรทัดฐานนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างลำดับเวลาที่ถูกต้องในกระบวนการพิจารณาคดีอาญา ผู้ปฏิบัติงานด้านกฎหมายต้องตระหนักว่า การจะอ้างสิทธิ์ 'favor innocentiae' ได้อย่างถูกต้องนั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานที่แน่นอนเกี่ยวกับเวลาที่กระทำความผิด หากไม่มีหลักฐานดังกล่าว ความเสี่ยงคือการบ่อนทำลายการดำเนินคดีที่ถูกต้องและละเมิดสิทธิของผู้ที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุป คำพิพากษาที่ 33700 ปี 2023 ถือเป็นการเตือนที่สำคัญสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านกฎหมายทุกคนให้ใส่ใจกับช่วงเวลาที่กระทำความผิด การพิสูจน์ 'tempus commissi delicti' ไม่ใช่เพียงแค่ประเด็นทางเทคนิคเท่านั้น แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาได้รับการเคารพและเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นไปอย่างถูกต้อง ดังนั้น คำพิพากษาจึงเชิญชวนให้พิจารณาถึงความสำคัญของการสร้างข้อเท็จจริงอย่างแม่นยำ เพื่อให้ความยุติธรรมได้รับการบริหารจัดการอย่างแท้จริง