คำพิพากษาล่าสุดของศาลฎีกา ที่ 9442 ปี 2024 นำเสนอข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับเงื่อนไขการหย่าร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสิทธิในการเยี่ยมเยียนบุตรผู้เยาว์ การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริบททางกฎหมายที่สิทธิในการมีผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายและการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้เยาว์มีความสำคัญสูงสุด ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 8 ของอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ECHR)
ในกรณีที่วิเคราะห์ B.B. ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเงื่อนไขการหย่าร้างที่กำหนดไว้ในคำพิพากษาของศาลเมืองเจนีวา โดยขอให้ลดค่าอุปการะเลี้ยงดูและยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับการค้างคืนของบุตรชาย C.C. ซึ่งป่วยเป็นโรคลมชัก ศาลอุทธรณ์เมืองเวนิสได้ยอมรับคำร้องบางส่วน โดยกำหนดให้มีการค้างคืนเป็นลำดับขั้น เริ่มตั้งแต่วันที่กรกฎาคม 2024 เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เยาว์จะปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
สิทธิในการเยี่ยมเยียนไม่ใช่สิทธิส่วนบุคคลที่เป็นอิสระ แต่เป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้สิทธิในความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้เยาว์
ศาลฎีกาได้พิจารณาประเด็นเกี่ยวกับการยอมรับคำร้อง โดยชี้แจงว่าคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในการเยี่ยมเยียนสามารถยื่นอุทธรณ์ได้เมื่อส่งผลกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น สิทธิในชีวิตครอบครัว ดังนั้นจึงได้ยืนยันว่าคำสั่งที่จำกัดเวลาที่ผู้เยาว์อยู่กับผู้ปกครองที่ไม่ใช่ผู้ที่อยู่ด้วยจะต้องมีเหตุผลจากการวิเคราะห์เงื่อนไขของผู้เยาว์อย่างละเอียด โดยหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและบุตร
คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 9442 ปี 2024 เป็นส่วนหนึ่งของการอภิปรายทางกฎหมายที่สำคัญเกี่ยวกับรูปแบบการใช้สิทธิในการมีผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายและสิทธิในการเยี่ยมเยียน ศาลได้ย้ำว่าผลประโยชน์ของผู้เยาว์จะต้องมีชัยเหนือกว่าเสมอ และการตัดสินใจทุกครั้งจะต้องพิจารณาถึงความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจและอารมณ์ของผู้เยาว์ แนวทางนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับประกันว่าการแก้ไขเงื่อนไขการหย่าร้างจะไม่ทำลายสายสัมพันธ์ในครอบครัว แต่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่สงบสุขและมั่นคงสำหรับการเติบโตของผู้เยาว์