คำพิพากษาที่ 1361 ปี 2014 ของศาลฎีกาได้ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับค่าเสียหายที่ไม่ใช่ทรัพย์สิน คำพิพากษานี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการคุ้มครองสิทธิที่ไม่อาจละเมิดได้ โดยเน้นย้ำว่าการสูญเสียชีวิตไม่อาจปราศจากการชดเชยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับญาติของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน
ในกรณีที่พิจารณา ศาลต้องเผชิญกับประเด็นเรื่องค่าเสียหายที่ได้รับจากผู้เสียชีวิตอันเป็นผลมาจากอุบัติเหตุทางถนน ผู้ยื่นอุทธรณ์ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิต ได้โต้แย้งการปฏิเสธคำขอค่าเสียหายที่ไม่ใช่ทรัพย์สินของพวกเขาโดยศาลอุทธรณ์มิลาน โดยอ้างว่าผู้เสียชีวิตมีสิทธิได้รับค่าชดเชยแม้จะผ่านไปเพียงช่วงเวลาสั้นๆ จากการบาดเจ็บจนเสียชีวิต
ค่าเสียหายจากการสูญเสียชีวิตนั้นแตกต่างและแยกจากค่าเสียหายต่อสุขภาพ และแตกต่างจากค่าเสียหายทางชีวภาพที่ถึงแก่ชีวิตและค่าเสียหายทางศีลธรรมที่ถึงแก่ชีวิต
ศาลได้ยืนยันอีกครั้งว่าความตายถือเป็นการละเมิดสิทธิในการมีชีวิตที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งได้รับการคุ้มครองอย่างเด็ดขาดโดยระบบกฎหมาย ดังนั้น แม้ในกรณีที่เสียชีวิตทันที ญาติของผู้เสียชีวิตมีสิทธิได้รับค่าเสียหายที่ไม่ใช่ทรัพย์สิน เนื่องจากไม่สามารถพิจารณาการสูญเสียชีวิตว่าเป็นความเสียหายที่ไม่สามารถชดเชยได้
ดังนั้น คำพิพากษานี้จึงถือเป็นการยอมรับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความสำคัญของบุคคลในกฎหมายแพ่ง ซึ่งเป็นการวางบรรทัดฐานที่สำคัญสำหรับแนวคำพิพากษาในอนาคต
โดยสรุป คำพิพากษาที่ 1361 ปี 2014 ของศาลฎีกาถือเป็นจุดเปลี่ยนในการชดเชยค่าเสียหายที่ไม่ใช่ทรัพย์สิน โดยยืนยันว่าการสูญเสียชีวิตต้องได้รับการคุ้มครองและชดเชย ญาติของผู้เสียชีวิตมีพื้นฐานทางกฎหมายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในการเรียกร้องสิทธิของตน ซึ่งมีส่วนช่วยให้เกิดความยุติธรรมมากขึ้นสำหรับผู้ที่ประสบกับการสูญเสียที่ไม่สามารถทดแทนได้