คำพิพากษาล่าสุดที่ 15939 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2024 ซึ่งออกโดยศาลเสรีภาพแห่งตูริน ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับการตีความกำไลอิเล็กทรอนิกส์ในบริบทของมาตรการกักขังเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้พิพากษาได้เน้นย้ำว่าการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้ถือเป็นรูปแบบใหม่ของมาตรการบังคับ แต่เป็นการกำหนดให้เป็นวิธีการดำเนินการตามปกติของการกักบริเวณในบ้าน
กรณีที่กล่าวถึงในคำพิพากษาเกี่ยวข้องกับการร้องขอให้เปลี่ยนมาตรการกักขังในเรือนจำเป็นการกักบริเวณในบ้าน โดยมีการใช้อุปกรณ์กำไลอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ศาลได้พิจารณาว่าเนื่องจากลักษณะเฉพาะของข้อกล่าวหาและความอันตรายของผู้ต้องสงสัย การกักขังในเรือนจำจึงเป็นมาตรการที่เหมาะสมเพียงอย่างเดียว การตัดสินใจนี้มีพื้นฐานมาจากการอ่านกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะมาตรา 274 และ 275 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฉบับใหม่ ซึ่งควบคุมมาตรการกักขังเบื้องต้น
หัวใจสำคัญของการตัดสินใจอยู่ที่หลักการดังต่อไปนี้:
การกำหนดให้มี "กำไลอิเล็กทรอนิกส์" - เป็นเพียงวิธีการดำเนินการตามปกติของการกักบริเวณในบ้าน - คำร้องขอให้เปลี่ยนมาตรการกักขังในเรือนจำ - การปฏิเสธเนื่องจากอันตรายของผู้ต้องสงสัยและลักษณะเฉพาะของข้อกล่าวหา - การให้เหตุผลเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของมาตรการกักตนเอง แม้จะเสริมด้วยการใช้อุปกรณ์กำไลอิเล็กทรอนิกส์ - ความจำเป็น - การยกเว้น - เหตุผล ในเรื่องของการกักบริเวณในบ้าน การกำหนดให้มี "กำไลอิเล็กทรอนิกส์" ไม่ได้ถือเป็นมาตรการบังคับประเภทใหม่ แต่เป็นเพียงวิธีการดำเนินการตามปกติของการกักบริเวณในบ้าน ดังนั้น ผู้พิพากษา หากเห็นว่าการกักขังในเรือนจำเท่านั้นที่เหมาะสมเนื่องจากอันตรายของผู้ต้องสงสัยและลักษณะเฉพาะของข้อกล่าวหา จะไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลเฉพาะเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของการกักบริเวณในบ้าน แม้ว่าจะมีการใช้อุปกรณ์กำไลอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม
จุดยืนทางกฎหมายนี้ชี้แจงว่า แม้ว่ากำไลอิเล็กทรอนิกส์อาจดูเหมือนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในมาตรการกักขังเบื้องต้น แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการประเมินอันตรายของผู้ต้องสงสัย ดังนั้น ผู้พิพากษาจึงสามารถตัดสินใจที่จะไม่ให้เหตุผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของมาตรการกักบริเวณในบ้าน หากเห็นว่าไม่เพียงพอที่จะปกป้องความปลอดภัยสาธารณะ
โดยสรุป คำพิพากษาที่ 15939 ปี 2024 ถือเป็นก้าวสำคัญในการทำความเข้าใจมาตรการกักขังเบื้องต้น โดยเน้นย้ำว่าการนำกำไลอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ไม่ได้เป็นการนำรูปแบบการกักขังใหม่เข้ามา แต่จำกัดอยู่เพียงการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินการของการกักบริเวณในบ้าน ซึ่งหมายความว่าผู้พิพากษาจะต้องพิจารณาถึงอันตรายของผู้ต้องสงสัยและลักษณะเฉพาะของอาชญากรรมที่ถูกกล่าวหาเป็นอันดับแรกเสมอ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างสิทธิส่วนบุคคลและความปลอดภัยของส่วนรวม