คำพิพากษาที่ 16851 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2024 ซึ่งออกโดยศาลฎีกา ถือเป็นคำวินิจฉัยที่สำคัญในเรื่องความสัมพันธ์ทางเขตอำนาจศาลกับหน่วยงานต่างประเทศและการขอความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คดีนี้เกี่ยวข้องกับการยึดทรัพย์สินที่ดำเนินการตามคำขอความร่วมมือจากต่างประเทศ และได้ชี้แจงอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการคงอยู่และการบังคับใช้มาตรการชั่วคราว ในกรณีที่ไม่มีสนธิสัญญาระหว่างรัฐผู้ร้องขอและรัฐผู้ถูกร้องขอ
ศาลได้ยกเลิกคำตัดสินของผู้พิพากษาศาลชั้นต้นของศาลมิลาน โดยไม่ต้องมีการพิจารณาใหม่ โดยกำหนดว่า ในกรณีที่ไม่มีสนธิสัญญาระหว่างรัฐ อำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับความจำเป็นในการคงอยู่ของการยึดทรัพย์สินนั้นเป็นของหน่วยงานตุลาการผู้ร้องขอ หลักการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับรองว่าหน่วยงานที่ร้องขอให้ยึดทรัพย์สินสามารถประเมินได้ว่ามาตรการดังกล่าวยังคงมีประโยชน์ต่อกระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่หรือไม่
การยึดทรัพย์สินที่ดำเนินการตามคำขอความร่วมมือจากต่างประเทศ - การแบ่งเขตอำนาจศาลในกรณีที่ไม่มีสนธิสัญญาระหว่างรัฐผู้ร้องขอและรัฐผู้ถูกร้องขอ - อำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการคงอยู่และการบังคับใช้มาตรการ - ข้อบ่งชี้ - การส่งมอบทรัพย์สินที่ถูกยึดให้กับหน่วยงานผู้ร้องขอ - การสิ้นสุดเขตอำนาจศาลของหน่วยงานผู้ถูกร้องขอ ในเรื่องความสัมพันธ์ทางเขตอำนาจศาลกับหน่วยงานต่างประเทศ อำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับความจำเป็นในการคงอยู่ของการยึดทรัพย์สินที่ดำเนินการตามคำขอความร่วมมือจากต่างประเทศ ในกรณีที่ไม่มีสนธิสัญญาระหว่างรัฐผู้ร้องขอและรัฐผู้ถูกร้องขอ เป็นของหน่วยงานตุลาการผู้ร้องขอ เนื่องจากมีเพียงหน่วยงานดังกล่าวเท่านั้นที่สามารถกำหนดได้ว่ามาตรการดังกล่าวได้รับอนุญาตหรือไม่ และยังคงมีประโยชน์ต่อกระบวนการหรือไม่ ในขณะที่หน่วยงานตุลาการผู้ถูกร้องขอมีอำนาจในการพิจารณาความถูกต้องของเอกสารการบังคับใช้และกระบวนการได้มาซึ่งทรัพย์สิน จนถึงขณะที่ทรัพย์สินดังกล่าวถูกส่งมอบให้กับรัฐผู้ร้องขอ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขตอำนาจศาลของตนสิ้นสุดลง
การตัดสินใจนี้ได้ชี้แจงประเด็นสำคัญของการร่วมมือทางตุลาการระหว่างประเทศ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแบ่งอำนาจหน้าที่ระหว่างหน่วยงานตุลาการอย่างถูกต้อง ศาลได้เน้นย้ำว่าหน่วยงานตุลาการผู้ร้องขอมีหน้าที่ในการประเมินว่าการยึดทรัพย์สินควรดำเนินต่อไปหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการควบคุมความจำเป็นและประโยชน์ของมาตรการดังกล่าว ในทางกลับกัน หน่วยงานผู้ถูกร้องขอจะจำกัดอยู่เพียงการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารจนกว่าจะมีการส่งมอบทรัพย์สิน
โดยสรุป คำพิพากษาที่ 16851 ปี 2024 ถือเป็นก้าวสำคัญในการกำหนดความสัมพันธ์ทางเขตอำนาจศาลระหว่างรัฐในเรื่องการขอความร่วมมือ การแบ่งแยกอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจนระหว่างหน่วยงานผู้ร้องขอและผู้ถูกร้องขอ ไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานของสถาบันต่างๆ เท่านั้น แต่ยังรับประกันการคุ้มครองสิทธิของคู่กรณีที่เกี่ยวข้องได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ศาลฎีกาจึงได้ยืนยันถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในบริบทที่ทั่วโลกมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น