คำสั่งศาลฎีกาฉบับล่าสุดที่ 10464 ลงวันที่ 17 เมษายน 2024 ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับค่าตอบแทนที่ต้องชำระให้แก่ทนายความสำหรับการดำเนินคดีในศาล การตัดสินใจนี้ซึ่งออกโดยอ้างอิงจากคดีเฉพาะ ได้ชี้แจงถึงความสำคัญของการให้คำมั่นว่าจะชำระหนี้และภาระการพิสูจน์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านกฎหมายและลูกค้าที่ใช้บริการทางกฎหมาย
ในคดีที่พิจารณา ศาลได้ยอมรับคำร้องของ G. (G. R.) ต่อ M. เกี่ยวกับข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าตอบแทนที่ต้องชำระสำหรับการให้บริการทางกฎหมาย ข้อพิพาทเกิดขึ้นหลังจากมีคำสั่งให้ชำระหนี้ออกให้แก่ทนายความคนหนึ่งในสองคนที่เกี่ยวข้อง และประเด็นสำคัญคือการให้คำมั่นว่าจะชำระหนี้มีผลต่อหลักฐานที่จะต้องนำเสนอหรือไม่
ศาลได้ตัดสินว่าการให้คำมั่นว่าจะชำระหนี้ถือเป็นการแยกประเด็นทางกระบวนการของคดี โดยโอนภาระการพิสูจน์จากเจ้าหนี้ไปยังลูกหนี้ ในทางปฏิบัติ หมายความว่าหากลูกค้ารับปากว่าจะชำระ ทนายความไม่จำเป็นต้องพิสูจน์การมีอยู่ของความสัมพันธ์ในการทำงาน เว้นแต่ลูกหนี้จะพิสูจน์เป็นอย่างอื่น
โดยทั่วไป ในเรื่องค่าตอบแทนที่ลูกค้าต้องชำระให้แก่ทนายความสำหรับการดำเนินคดีแพ่ง การให้คำมั่นว่าจะชำระหนี้ถือเป็นการแยกประเด็นทางกระบวนการของคดี กล่าวคือ มีผลทำให้ผู้รับคำประกาศไม่ต้องรับภาระในการพิสูจน์การมีอยู่ของความสัมพันธ์พื้นฐาน ซึ่งถือว่ามีอยู่จนกว่าจะพิสูจน์เป็นอย่างอื่น โดยเป็นหน้าที่ของลูกหนี้ที่จะต้องพิสูจน์ว่าความสัมพันธ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้น หรือไม่สมบูรณ์ หรือสิ้นสุดลงแล้ว (ในกรณีนี้ ศาลฎีกาได้ยอมรับคำร้องคัดค้านคำพิพากษาที่แม้จะมีการให้คำมั่นว่าจะชำระหนี้เกี่ยวกับการต่อสู้คดีของทนายความสองคนในคดีแพ่งเดียวกัน แต่กลับยอมรับคำคัดค้านคำสั่งให้ชำระหนี้ที่ออกให้แก่ทนายความเพียงคนเดียว โดยอ้างว่าทนายความไม่ได้พิสูจน์ถึงการดำเนินการตามที่ได้ทำไป)
คำพิพากษานี้มีความสำคัญเป็นพิเศษด้วยเหตุผลหลายประการ:
การอ้างอิงทางกฎหมายที่กล่าวถึงในคำพิพากษา เช่น มาตรา 1988 และมาตรา 2697 แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง ให้กรอบกฎหมายที่แข็งแกร่งสำหรับการทำความเข้าใจประเด็นนี้ กฎหมายเหล่านี้กำหนดหลักการทั่วไปเกี่ยวกับหนี้สินและภาระการพิสูจน์ ยืนยันแนวทางของศาลฎีกา
โดยสรุป คำสั่งศาลฎีกาที่ 10464/2024 ถือเป็นก้าวสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของทนายความเกี่ยวกับค่าตอบแทน ด้วยการตัดสินใจนี้ ศาลฎีกาได้ยืนยันถึงความสำคัญของการให้คำมั่นว่าจะชำระหนี้ และได้กำหนดความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายไว้อย่างชัดเจน เป็นสิ่งสำคัญที่ทนายความและลูกค้าจะต้องตระหนักถึงพลวัตเหล่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาทในอนาคต และรับประกันความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพและเคารพต่อกฎหมายที่บังคับใช้อยู่