คำพิพากษาที่ 7723 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2024 ของศาลฎีกาได้ให้ความกระจ่างที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องการล้มละลายโดยฉ้อฉลและความรับผิดชอบของกรรมการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คดีนี้เกี่ยวข้องกับ A.A. นายกเทศมนตรีของเทศบาลและผู้แทนทางกฎหมายของบริษัทที่ล้มละลาย และ B.B. สมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งทั้งสองคนถูกกล่าวหาว่าล้มละลายโดยฉ้อฉล
ศาลอุทธรณ์ซาแลร์โนได้ยกฟ้อง A.A. จากข้อกล่าวหาล้มละลายโดยฉ้อฉล โดยชี้ให้เห็นว่าไม่มีความเชื่อมโยงเชิงสาเหตุระหว่างพฤติกรรมของเขากับการล่มสลายของบริษัท ในขณะที่ B.B. ถูกตัดสินลงโทษ อัยการผู้ช่วยจึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา โดยเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบของ A.A. ในการมีส่วนทำให้เกิดการล่มสลายผ่านการดำเนินงานทางบัญชีที่ผิดปกติ
แนวคำพิพากษาได้กำหนดว่าในการที่จะพิสูจน์ความรับผิดทางอาญาของบุคคลภายนอก (extraneus) จำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมเชิงสาเหตุที่เฉพาะเจาะจงต่อการกระทำผิด
ศาลได้ชี้แจงว่าในการที่จะพิสูจน์ความรับผิดของ A.A. เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องแสดงให้เห็นว่าการกระทำของเขาไม่สอดคล้องกับการใช้อำนาจทางการเมือง แต่บ่งชี้ถึงการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการล่มสลาย คำพิพากษายังเน้นย้ำว่าการบันทึกหนี้สินปลอมในงบดุลไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากความยินยอมของเขา ซึ่งถือเป็นการก่อให้เกิดความรับผิดโดยตรง
สำหรับ B.B. ศาลได้ยืนยันคำตัดสินลงโทษ โดยชี้ให้เห็นว่าคณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่ต้องกำกับดูแลการดำเนินงานของกรรมการ พฤติกรรมของเขาถือว่าไม่เพียงพอที่จะต่อต้านความผิดปกติทางบัญชี ซึ่งยิ่งทำให้การล่มสลายของบริษัทเลวร้ายลงไปอีก สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าความรับผิดชอบของกรรมการไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การตรวจสอบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหน้าที่ในการดำเนินการเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น
คำพิพากษาที่ 7723/2024 ของศาลฎีกาได้กำหนดขอบเขตของความรับผิดชอบในกรณีของการล้มละลายโดยฉ้อฉลอย่างชัดเจน โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิสูจน์ความเชื่อมโยงเชิงสาเหตุโดยตรงระหว่างพฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาและการล่มสลาย นอกจากนี้ บทบาทเชิงรุกของสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบในการกำกับดูแลการบริหารบริษัทเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงความรับผิดทางอาญา กรณีนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการที่ถูกต้องของบริษัทสาธารณะและความจำเป็นในการควบคุมอย่างเข้มงวดโดยหน่วยงานที่มีอำนาจ