คำสั่งศาลฎีกาฉบับล่าสุดที่ 21809 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2024 ถือเป็นคำวินิจฉัยที่สำคัญของศาลฎีกาในประเด็นเกี่ยวกับการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการไม่รวมการพิจารณาคดีกับคู่ความที่จำเป็น การตัดสินใจครั้งนี้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการจัดการคดีแพ่งและการคุ้มครองสิทธิของคู่ความที่เกี่ยวข้อง
ในกรณีนี้ ผู้ยื่นคำร้อง B. (R.) ได้ยื่นคำร้องต่อ B. (M.) ในคดีชั้นต้นก่อนหน้านี้ และเป็นฝ่ายชนะ อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา โดยชี้ให้เห็นถึงการไม่รวมการพิจารณาคดี ศาลได้มีคำสั่งไม่รับคำร้อง โดยวินิจฉัยว่าผู้ยื่นคำร้องไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการที่คู่ความที่จำเป็นเข้าร่วมในการพิจารณาคดี
คำร้องต่อ - โดยทั่วไป คำร้องต่อศาลฎีกาที่ยื่นโดยผู้ยื่นคำร้องซึ่งเป็นฝ่ายชนะในคดีชั้นต้น - ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความล้มเหลวในการรวมการพิจารณาคดีกับคู่ความที่จำเป็น - การไม่รับคำร้อง - เหตุผล การยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาโดยผู้ยื่นคำร้องซึ่งเป็นฝ่ายชนะในคดีชั้นต้น อันเป็นผลมาจากการปฏิเสธคำร้องที่ยื่นต่อตนเอง โดยโต้แย้งว่าขาดการรวมการพิจารณาคดีกับคู่ความที่จำเป็นนั้น จะไม่ได้รับการพิจารณาเนื่องจากขาดความสนใจ เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ถึงประโยชน์ใดๆ จากการที่คู่ความดังกล่าวเข้าร่วมในการพิจารณาคดีได้ แม้ในทางทฤษฎีก็ตาม
ศาลฎีกา โดยอ้างอิงถึงมาตรา 102 และ 360 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ได้ชี้แจงว่าคำร้องต่อศาลฎีกาจะต้องมีเหตุผลที่แสดงถึงความสนใจที่แท้จริงและปัจจุบัน ในกรณีนี้ การชนะคดีชั้นต้นได้ตัดความเป็นไปได้ที่จะได้รับประโยชน์ใดๆ จากการที่คู่ความที่จำเป็นเข้าร่วมในการพิจารณาคดีในภายหลัง ประเด็นนี้ถือเป็นการจำกัดขอบเขตที่สำคัญสำหรับผู้ยื่นคำร้อง ซึ่งไม่สามารถอ้างการละเมิดการพิจารณาคดีได้ หากตนเองมีสถานะทางกระบวนการที่ได้เปรียบอยู่แล้ว
โดยสรุป คำสั่งศาลฎีกาที่ 21809 ปี 2024 เน้นย้ำถึงความสำคัญของความแน่นอนทางกฎหมายในกระบวนการพิจารณาคดีแพ่ง คำวินิจฉัยของศาลฎีกาทำหน้าที่ชี้แจงขอบเขตของการไม่รับคำร้องต่อศาลฎีกา โดยเน้นย้ำว่าสถานะที่ได้เปรียบของผู้ยื่นคำร้องในคดีชั้นต้นจะตัดความเป็นไปได้ในการโต้แย้งการไม่รวมการพิจารณาคดี ประเด็นสำคัญนี้มีไว้เพื่อให้การดำเนินงานของกระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของคู่ความที่เกี่ยวข้องเสมอ