คำพิพากษาที่ 33063 ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2024 ซึ่งยื่นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2024 นำเสนอการพิจารณาที่สำคัญเกี่ยวกับความรับผิดชอบของผู้บริหารในกรณีของการฉ้อโกงล้มละลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้พิพากษาได้ตัดสินว่าการถอนเงินที่จัดสรรไว้สำหรับการจ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างของพนักงาน หรือสำหรับการชำระเงินกู้ที่ให้กับพนักงานดังกล่าว ถือเป็นการกระทำที่เบียดบังทรัพย์สินและเข้าข่ายการฉ้อโกงล้มละลาย หลักการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองสิทธิของพนักงานและการรักษาทรัพย์สินของบริษัท
ตามคำตัดสินของศาล ผู้บริหารของบริษัทที่ล้มละลายซึ่งถอนเงินที่จัดสรรไว้สำหรับการจ่ายสิทธิของพนักงาน ถือว่ากระทำการโดยมิชอบ หลักการสำคัญของคำพิพากษา ระบุว่า:
เงินที่จัดสรรไว้สำหรับการจ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างของพนักงาน หรือสำหรับการชำระเงินกู้ที่ให้กับพนักงานดังกล่าว - การถอนเงินของผู้บริหารจากกองทุนของบริษัทที่ล้มละลาย - การฉ้อโกงล้มละลายเนื่องจากการเบียดบังทรัพย์สิน - การเข้าข่าย - ความสมบูรณ์ - เหตุผล ในเรื่องของการฉ้อโกงล้มละลายเกี่ยวกับทรัพย์สิน การกระทำของผู้บริหารของบริษัทที่ล้มละลายซึ่งถอนเงินจากกองทุนของบริษัทที่จัดสรรไว้สำหรับการจ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างของพนักงาน หรือสำหรับการชำระเงินกู้ที่ให้กับพนักงาน หลังจากมีการโอนสิทธิเรียกร้องให้กับบริษัท ถือเป็นการเบียดบังทรัพย์สิน เนื่องจากเงินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินของบริษัทที่ล้มละลาย
ข้อความนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิของพนักงาน ซึ่งอาจถูกกระทบจาก การตัดสินใจที่ขาดความรับผิดชอบของผู้บริหาร กฎหมายของอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรา 216 ของกฎหมายล้มละลาย กำหนดความรับผิดชอบในกรณีของการฉ้อโกงล้มละลายไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น ผู้พิพากษาจึงไม่เพียงแต่คุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้เท่านั้น แต่ยังคุ้มครองสิทธิของพนักงานด้วย
คำพิพากษานี้เป็นส่วนหนึ่งของบริบททางกฎหมายที่กว้างขึ้น ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญและคำพิพากษาของศาลฎีกาได้ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงความสำคัญของความรับผิดชอบของผู้บริหารในกรณีของการล้มละลาย กฎหมายที่อ้างถึงในคำตัดสิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรา 223 ของกฎหมายล้มละลาย เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการทรัพยากรของบริษัทอย่างรอบคอบและโปร่งใส
โดยสรุป คำพิพากษาที่ 33063 ปี 2024 ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับการฉ้อโกงล้มละลายและการเสริมสร้างการคุ้มครองสิทธิของพนักงาน คำพิพากษานี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีพฤติกรรมที่มีจริยธรรมจากผู้บริหาร ซึ่งต้องดำเนินการเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทและพนักงานเสมอ การตัดสินใจในลักษณะนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องยับยั้งพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย และส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความรับผิดชอบและการปฏิบัติตามกฎหมาย