คำพิพากษาที่ 20649 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2023 ของศาลฎีกา ได้ให้คำชี้แจงที่สำคัญเกี่ยวกับมาตรการยึดทรัพย์เพื่อการริบทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับความผิดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำต่อการบริหารราชการแผ่นดิน มาตรการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้กับการทุจริตและการยักยอกเงินสาธารณะ ซึ่งจำเป็นต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนและละเอียดเกี่ยวกับความจำเป็นในการดำเนินการล่วงหน้าเพื่อการริบทรัพย์
การยึดทรัพย์อยู่ภายใต้การควบคุมของมาตรา 321 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งกำหนดบทบัญญัติเฉพาะสำหรับการบังคับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วรรค 2-bis ได้นำหลักการที่ว่าคำสั่งยึดทรัพย์จะต้องมีเหตุผลที่กระชับเกี่ยวกับ “periculum in mora” หรือความเสี่ยงที่จะกระทบต่อพยานหลักฐาน หรือสถานะทางการเงินของจำเลยที่เลวร้ายลง
การยึดทรัพย์เพื่อการริบทรัพย์ตามมาตรา 321 วรรค 2-bis แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา - "Periculum in mora" - เหตุผล - ความจำเป็น คำสั่งยึดทรัพย์ตามมาตรา 321 วรรค 2-bis แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการริบทรัพย์ในคดีที่เกี่ยวข้องกับความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อการบริหารราชการแผ่นดิน จะต้องมีเหตุผลที่กระชับเกี่ยวกับ "periculum in mora" ด้วย โดยต้องสัมพันธ์กับ - ภายใต้การเคารพหลักเกณฑ์ความเหมาะสมและความสมดุลของมาตรการทางการเงิน - เหตุผลที่ทำให้จำเป็นต้องดำเนินการล่วงหน้าเพื่อการริบทรัพย์ก่อนการตัดสินคดี
ศาลในคำพิพากษาที่พิจารณานี้ เน้นย้ำถึงความสำคัญของเหตุผลที่เพียงพอและสมดุลในคำสั่งยึดทรัพย์ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่คุ้มครองสิทธิของจำเลย แต่ยังรับประกันว่าคำสั่งดังกล่าวมีเหตุผลจากความจำเป็นที่แท้จริงและเป็นรูปธรรม คำพิพากษาสรุปว่าการยึดทรัพย์ไม่สามารถเป็นมาตรการอัตโนมัติได้ แต่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากการประเมินความเสี่ยงของความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้ต่อสาธารณะเสมอ
คำพิพากษาที่ 20649 ปี 2023 ถือเป็นก้าวสำคัญในการกำหนดเกณฑ์การบังคับใช้มาตรการยึดทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีทุจริต ยืนยันอีกครั้งถึงความจำเป็นของเหตุผลที่เข้มงวดและการสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของความยุติธรรมและการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคล แนวทางนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความโปร่งใสของระบบกฎหมาย แต่ยังช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจของประชาชนต่อสถาบันต่างๆ