คำพิพากษาเลขที่ 24391 ลงวันที่ 11 กันยายน 2024 ของศาลฎีกา (Corte di Cassazione) ได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญในกฎหมายครอบครัว นั่นคือ หน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่บรรลุนิติภาวะ ประเด็นนี้เกิดขึ้นในบริบทที่การทำความเข้าใจว่าความรับผิดชอบตนเองของบุตรและความมุ่งมั่นในการศึกษาของพวกเขา ส่งผลต่อสิทธิในการได้รับการอุปการะเลี้ยงดูอย่างไรนั้น มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ประเด็นหลักของคำตัดสินและผลกระทบที่เกิดขึ้น
ในกรณีที่กล่าวถึง A.A. ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลอุทธรณ์เมืองเทรนโต (Corte d'Appello di Trento) ซึ่งได้อนุมัติคำร้องของ B.B. ให้ยกเลิกหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดูบุตรสาว C.C. และ D.D. ศาลอุทธรณ์ได้ให้เหตุผลในการตัดสินโดยอ้างอิงถึงความสามารถในการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจของบุตรสาว แม้ว่าจะขาดหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับความสามารถในการดำรงชีพของพวกเขาก็ตาม
ศาลฎีกาได้ตัดสินว่า ผู้พิพากษาจะต้องประเมินเป็นรายกรณี โดยพิจารณาจากสถานการณ์ส่วนบุคคลของบุตรและความมุ่งมั่นของพวกเขา
ศาลฎีกาได้อ้างถึงหลักการที่ระบุไว้ในมาตรา 337 ter และ 337 septies แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง (Codice Civile) ซึ่งจะต้องนำมาใช้ในการกำหนดหน้าที่ในการอุปการะเลี้ยงดู โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาลได้เน้นย้ำว่า:
คำสั่งนี้ถือเป็นการชี้แจงที่สำคัญเกี่ยวกับความรับผิดชอบของผู้ปกครองที่เกี่ยวข้องกับบุตรที่บรรลุนิติภาวะ และความจำเป็นในการพิจารณาสถานการณ์ส่วนบุคคลของพวกเขา การตัดสินของศาลเน้นย้ำว่า ความมุ่งมั่นในการศึกษาและสถานะทางการเงินของบุตรจะต้องได้รับการวิเคราะห์อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ในเชิงนามธรรม ซึ่งจะช่วยให้สามารถประเมินความต้องการในการอุปการะเลี้ยงดูได้อย่างยุติธรรมมากขึ้น
โดยสรุป คำพิพากษาของศาลฎีกาเลขที่ 24391/2024 ได้นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจและสำคัญสำหรับผู้ปกครองและนักกฎหมายที่ดำเนินงานในสาขากฎหมายครอบครัว เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ปกครองจะต้องเข้าใจว่าสิทธิในการได้รับการอุปการะเลี้ยงดูบุตรที่บรรลุนิติภาวะนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่ผู้พิพากษาจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ