คำสั่งศาลฎีกาฉบับล่าสุดที่ 16445 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2024 ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสัญญาเปิดวงเงินสินเชื่อ คำพิพากษานี้อยู่ในบริบทของกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมีผลบังคับใช้ของกฎหมายฉบับที่ 154 ปี 1992 ซึ่งกำหนดให้สัญญาธนาคารต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร
ภายใต้ระบอบการปกครองก่อนกฎหมายฉบับที่ 154 ปี 1992 สัญญาเปิดวงเงินสินเชื่อสามารถทำได้ผ่าน facta concludentia หรือพฤติกรรมที่แสดงถึงการมีอยู่ของข้อตกลง วิธีการทำสัญญานี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากช่วยให้สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดที่เกิดจากการพัฒนากฎหมายในภายหลังได้
ดังที่ระบุไว้ในหลักการของคำพิพากษา:
(ความหมาย ลักษณะ การจำแนก) - โดยทั่วไป สัญญาเปิดวงเงินสินเชื่อ - ระบอบการปกครองก่อนกฎหมายฉบับที่ 154 ปี 1992 - การทำสัญญาโดยพฤติกรรมที่แสดงถึงข้อตกลง - การยอมรับ - ภาระการพิสูจน์ - เนื้อหา ภายใต้ระบอบการปกครองก่อนการมีผลบังคับใช้ของกฎหมายฉบับที่ 154 ปี 1992 ซึ่งกำหนดให้สัญญาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและบริการของธนาคารต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร การทำสัญญาเปิดวงเงินสินเชื่อโดยพฤติกรรมที่แสดงถึงข้อตกลงนั้นเป็นที่ยอมรับได้ ส่งผลให้การพิสูจน์การให้สินเชื่อสำหรับสัญญาเหล่านี้สามารถทำได้ด้วยวิธีการทุกรูปแบบ รวมถึงการใช้การอนุมาน เนื่องจากข้อห้ามที่กำหนดไว้ในมาตรา 2725 แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง ซึ่งอ้างอิงถึงมาตรา 2729 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งนั้น ไม่สามารถนำมาใช้กับสัญญาเปิดวงเงินสินเชื่อที่ทำขึ้นในช่วงเวลาที่สัญญาดังกล่าวไม่จำเป็นต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรภายใต้บทลงโทษของการเป็นโมฆะ
ศาลฎีกาได้ยืนยันว่า สำหรับสัญญาเปิดวงเงินสินเชื่อที่ทำขึ้นก่อนการกำหนดให้ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร การพิสูจน์การให้สินเชื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการทุกรูปแบบ รวมถึงการยอมรับการอนุมาน ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคู่สัญญา เนื่องจากเป็นการขยายวิธีการพิสูจน์และช่วยให้สามารถยืนยันสิทธิ์ได้แม้จะไม่มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร
โดยสรุป คำสั่งศาลฎีกาที่ 16445 ปี 2024 เป็นการย้ำเตือนถึงความยืดหยุ่นของวิธีการทำสัญญาเปิดวงเงินสินเชื่อในช่วงเวลาก่อนที่จะมีข้อกำหนดให้ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร คำพิพากษานี้ไม่เพียงแต่ชี้แจงสิทธิ์ของคู่สัญญาเท่านั้น แต่ยังมอบโอกาสที่สำคัญในการทำความเข้าใจพลวัตของสัญญาในภาคธนาคารให้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นย้ำว่าวิธีการพิสูจน์สามารถส่งผลต่อผลลัพธ์ของข้อพิพาททางกฎหมายได้อย่างไร ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทและผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนนี้ที่จะต้องรับทราบถึงวิวัฒนาการทางกฎหมายและคำพิพากษาดังกล่าว