คำพิพากษาที่ 36364 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2023 และยื่นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2023 ได้ก่อให้เกิดความสนใจอย่างมากในแวดวงกฎหมายอาญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการตีความเหตุบรรเทาโทษ ในกรณีนี้ ศาลได้พิจารณาประเด็นว่าสภาวะแห่งความหึงหวงสามารถให้เหตุผลในการให้เหตุบรรเทาโทษทั่วไปได้หรือไม่ การตัดสินของศาลมีพื้นฐานมาจากการวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของความหึงหวงและผลกระทบทางกฎหมาย
ศาลฎีกาได้ตัดสินว่าความหึงหวง ซึ่งหมายถึงความรู้สึกครอบครองและควบคุมที่ผิดปกติ ไม่สามารถให้เหตุผลในการให้เหตุบรรเทาโทษทั่วไปได้ สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในบริบททางกฎหมายที่อารมณ์สามารถส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการกระทำของบุคคล ศาลได้ชี้แจงว่าความหึงหวงอาจถึงขั้นเป็นการเพิ่มโทษ เนื่องจากอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่เกิดจากเหตุผลที่ไร้สาระหรือน่ารังเกียจ ซึ่งเป็นการละเมิดมาตรา 61 วรรค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
สภาวะแห่งความหึงหวง - เหตุบรรเทาโทษทั่วไป - การยกเว้น ในส่วนที่เกี่ยวกับเหตุบรรเทาโทษ ความหึงหวงไม่สามารถให้เหตุผลในการให้เหตุบรรเทาโทษทั่วไปตามมาตรา 62-bis แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือเหตุบรรเทาโทษจากการตอบโต้ด้วยความโกรธที่เกิดจากการกระทำผิดของผู้อื่นตามมาตรา 62 ข้อ 2 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (ในการให้เหตุผล ศาลได้ชี้แจงว่าความหึงหวง ซึ่งเป็นความรู้สึกผิดปกติที่แสดงออกถึงอำนาจสูงสุดและการครอบครองที่แสดงออกผ่านการทำลายล้างเหยื่อ อาจทำให้เกิดการเพิ่มโทษจากการกระทำด้วยเหตุผลที่ไร้สาระหรือน่ารังเกียจตามมาตรา 61 ข้อ 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)
คำพิพากษานี้ถือเป็นจุดอ้างอิงที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย อันที่จริงแล้ว คำพิพากษานี้ชี้แจงว่าความหึงหวง เมื่อนำไปสู่พฤติกรรมที่รุนแรง ไม่เพียงแต่ไม่สามารถถือเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ แต่ยังอาจนำไปสู่การลงโทษที่เข้มงวดขึ้นอีกด้วย ผลกระทบเชิงปฏิบัติของการตัดสินนี้มีหลายประการ:
โดยสรุป คำพิพากษาที่ 36364 ปี 2023 นำเสนอการไตร่ตรองที่สำคัญเกี่ยวกับบทบาทของอารมณ์ในกฎหมายอาญา แม้ว่าความหึงหวงอาจเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในระดับมนุษย์ แต่ก็ไม่ควรเป็นเหตุผลสำหรับพฤติกรรมที่รุนแรงหรือผิดกฎหมาย การตัดสินของศาลฎีกานี้ถือเป็นก้าวไปข้างหน้าในการกำหนดกรอบกฎหมายที่แยกความแตกต่างระหว่างอารมณ์และความรับผิดชอบทางอาญาอย่างชัดเจน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของแนวทางที่มีเหตุผลและถูกต้องตามกฎหมายในสถานการณ์ที่อาจบานปลายไปสู่ความรุนแรงได้อย่างง่ายดาย