คำสั่งล่าสุดของศาลฎีกาที่ 31131 ปี 2024 ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับการพิจารณาประเด็นที่ซับซ้อนของอุบัติเหตุจากการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างความเครียดจากการทำงานและภาวะหัวใจวาย การตัดสินใจนี้อยู่ในบริบททางกฎหมายที่การประเมินพยานหลักฐานถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการกำหนดความรับผิดชอบและสิทธิของลูกจ้าง
ในกรณีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา นางสาว A.A. ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เมืองตูริน ซึ่งได้ปฏิเสธคำขอของเธอในการรับรองเงินบำนาญสำหรับทายาท หลังจากการเสียชีวิตของสามี C.C. ซึ่งเสียชีวิตด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันขณะปฏิบัติงาน ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาว่าความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างความเครียดจากการทำงานที่ถูกกล่าวหาและการเสียชีวิตนั้นไม่สอดคล้องกัน โดยอาศัยการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญที่ไม่พบความเชื่อมโยงโดยตรง
ศาลฎีกาได้ยืนยันคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ โดยระบุว่าเหตุผลของคำพิพากษานั้นชัดเจนและสอดคล้องกัน และผู้ยื่นอุทธรณ์ไม่ได้ให้หลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ
ศาลได้พิจารณาเหตุผลของการอุทธรณ์ โดยชี้ให้เห็นว่าฝ่ายผู้ยื่นอุทธรณ์ไม่ได้พิสูจน์ถึงความบกพร่องของเหตุผลในคำพิพากษาที่ถูกอุทธรณ์ ตามหลักการพิจารณาคดี เพื่อที่จะถือว่าคำพิพากษาเป็นโมฆะ เหตุผลจะต้องมีข้อบกพร่องที่สำคัญ เช่น การไม่มีเหตุผลเลย หรือความขัดแย้งที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ศาลได้พิจารณาว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์นั้นมีเหตุผลที่ดีและได้พิจารณาข้อโต้แย้งที่ฝ่ายผู้ยื่นอุทธรณ์ยกขึ้นมาอย่างเหมาะสม
คำสั่งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประเมินพยานหลักฐานอย่างถูกต้องในสภาพแวดล้อมการทำงาน บริษัทต่างๆ ต้องตระหนักถึงผลกระทบทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ในขณะที่ลูกจ้างต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับความจำเป็นในการจัดทำเอกสารสถานการณ์ความเครียดที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของตนเอง ศาลได้ยืนยันอีกครั้งว่า แม้ว่าความเครียดอาจมีส่วนทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย แต่จำเป็นต้องมีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมและมีรายละเอียดเพื่อสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ
โดยสรุป คำสั่งที่ 31131/2024 ของศาลฎีกาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวิเคราะห์พยานหลักฐานอย่างเข้มงวดในกรณีอุบัติเหตุจากการทำงาน การตัดสินใจนี้เสริมสร้างหลักการที่ว่า การอนุมานความเครียดจากการทำงานเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะถือเป็นอุบัติเหตุได้ หากไม่มีพื้นฐานพยานหลักฐานที่แข็งแกร่งซึ่งพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ นี่ถือเป็นแนวทางที่สำคัญสำหรับทนายความและผู้เชี่ยวชาญในภาคกฎหมายในการจัดการคดีที่คล้ายคลึงกัน โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเตรียมการอย่างรอบคอบและการวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ของพยานหลักฐานที่นำเสนอ