คำพิพากษาฉบับที่ 34271 ปี 2022 ซึ่งออกโดยศาลฎีกา ได้ให้ภาพรวมที่สำคัญเกี่ยวกับมาตรการป้องกันบุคคลในบริบทของอาชญากรรมการให้ข้อมูลเท็จเพื่อขัดขวางการสอบสวน ในกรณีนี้ ผู้ยื่นอุทธรณ์ P.V. ถูกกล่าวหาว่าขัดขวางการสอบสวนเกี่ยวกับการทุจริตภายในเรือนจำ โดยใช้กลอุบายเพื่อลบหลักฐานที่สำคัญต่อการค้นหาความจริง ศาลได้ยืนยันความถูกต้องของมาตรการห้ามที่กำหนดโดยศาลแห่งบารี โดยเน้นถึงข้อบ่งชี้ร้ายแรงของความผิดและการรับรู้ของผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับการมีอยู่ของการสอบสวน
ศาลแห่งบารีได้สั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่สาธารณะของ P.V. เป็นเวลาหนึ่งปี โดยพิจารณาจากความร้ายแรงของข้อกล่าวหาและพฤติกรรมการให้ข้อมูลเท็จเพื่อขัดขวางการสอบสวน ศาลฎีกาได้ย้ำว่าตามหลักกฎหมายที่ได้รับการยอมรับ การตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ขยายไปถึงการประเมินองค์ประกอบทางวัตถุและข้อเท็จจริงใหม่ แต่จำกัดอยู่เพียงการตรวจสอบความเหมาะสมของเหตุผลของศาลชั้นต้น
ข้อเท็จจริงของการให้ข้อมูลเท็จเพื่อขัดขวางการสอบสวนเป็นการคุ้มครองการทำงานที่ถูกต้องของกระบวนการยุติธรรมและการพิจารณาคดี ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการถูกบ่อนทำลายจากพฤติกรรมทั่วไปของบุคคลที่มีคุณสมบัติเฉพาะ
ศาลเห็นว่าการกระทำของ P.V. มีลักษณะของการรับรู้ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่และความสำคัญของหลักฐานที่เขากำลังพยายามทำลาย ในบรรดาองค์ประกอบที่สำคัญ มีการดักฟังการสนทนาที่เน้นย้ำถึงความกังวลของ P. เกี่ยวกับการเปิดเผยความไม่ถูกต้องที่อาจเกิดขึ้น ศาลจึงปฏิเสธว่าการลบข้อมูลดังกล่าวอาจถือเป็นการกระทำที่ไม่มีอันตราย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความรับผิดชอบของผู้ที่ดำรงตำแหน่งสาธารณะ
โดยสรุป คำพิพากษาฉบับที่ 34271 ปี 2022 ถือเป็นการเตือนที่สำคัญถึงความจำเป็นในการรับประกันความสมบูรณ์ของการสอบสวนและกระบวนการพิจารณาคดีอาญา มาตรการป้องกัน เช่น ที่ใช้ในกรณีของ P.V. มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาประสิทธิภาพของการดำเนินการทางอาญาและการคุ้มครองการทำงานที่ถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น ศาลจึงได้ย้ำว่าพฤติกรรมการให้ข้อมูลเท็จเพื่อขัดขวางการสอบสวนไม่สามารถยอมรับได้ และผู้ที่ใช้อำนาจหน้าที่สาธารณะมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์ของกระบวนการยุติธรรมและความจริง