คำพิพากษาที่ 15635/2023 ของศาลฎีกาถือเป็นก้าวสำคัญในกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหมายจับยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาลได้ตัดสินว่าหลักการพิเศษที่กำหนดไว้ในมาตรา 26 และ 32 ของกฎหมายวันที่ 22 เมษายน 2005 ฉบับที่ 69 จะไม่นำมาใช้กับกระบวนการยึดทรัพย์ การชี้แจงทางกฎหมายนี้สมควรได้รับการวิเคราะห์อย่างละเอียด เนื่องจากมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ทางศาลระหว่างรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป
โดยทั่วไป หลักการพิเศษรับประกันว่าบุคคลที่ถูกจับกุมภายใต้หมายจับยุโรปจะถูกดำเนินคดีได้เฉพาะในข้อหาที่ร้องขอการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยคำพิพากษาที่พิจารณา ศาลได้ตัดสินว่าหลักการนี้จะไม่นำมาใช้กับการยึดทรัพย์ ทำให้ในบางสถานการณ์ทรัพย์สินสามารถถูกยึดได้โดยไม่ขึ้นกับกฎหมายเกี่ยวกับหมายจับ
หมายจับยุโรป - หลักการพิเศษ - การยึดทรัพย์ - การบังคับใช้ - การยกเว้น ในเรื่องหมายจับยุโรป หลักการพิเศษที่กำหนดไว้ในมาตรา 26 และ 32 ของกฎหมายวันที่ 22 เมษายน 2005 ฉบับที่ 69 จะไม่นำมาใช้กับการยึดทรัพย์
ส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่างการดำเนินคดีอาญาและการยึดทรัพย์สิน โดยบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของรัฐที่ร้องขอได้โดยไม่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดของหลักการพิเศษ
การตัดสินใจของศาลฎีกาเป็นไปในทิศทางเดียวกับคำพิพากษาในอดีต เช่น คำพิพากษาที่ 35768/2013 ซึ่งได้เคยพิจารณาประเด็นที่คล้ายคลึงกัน อันที่จริง ศาลได้ย้ำถึงความสำคัญของการรับประกันประสิทธิภาพของมาตรการยึดทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของความร่วมมือทางศาลยุโรป ข้อควรพิจารณาที่สำคัญบางประการมีดังนี้:
โดยสรุป คำพิพากษาที่ 15635/2023 ถือเป็นก้าวสำคัญในการกำหนดขอบเขตและโอกาสที่หมายจับยุโรปมอบให้ การตัดสินใจยกเว้นการใช้หลักการพิเศษในเรื่องการยึดทรัพย์ ไม่เพียงแต่ชี้แจงจุดยืนทางกฎหมายในบริบทของยุโรปเท่านั้น แต่ยังเปิดทางไปสู่การดำเนินการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ผู้ปฏิบัติงานด้านกฎหมายและเจ้าหน้าที่ตุลาการจะต้องคำนึงถึงคำตัดสินที่สำคัญนี้ในการปฏิบัติงานประจำวัน เพื่อให้มั่นใจในความยุติธรรมที่บูรณาการและร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น