คำพิพากษาล่าสุดที่ 48103 ลงวันที่ 26 กันยายน 2023 ซึ่งออกโดยศาลแห่งอิสเซร์เนีย นำเสนอประเด็นที่น่าพิจารณาอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับการพิสูจน์อัตลักษณ์ส่วนบุคคลของจำเลยในบริบทของคดีอาญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตัดสินใจนี้ได้ชี้แจงความสำคัญของรหัสประจำตัวเฉพาะ (CUI) ในฐานะเครื่องมือพื้นฐานในการรับประกันความแน่นอนของอัตลักษณ์ทางกายภาพของจำเลย แม้ในกรณีที่จำเลยให้ข้อมูลส่วนตัวที่เป็นเท็จ
ประเด็นหลักของคำพิพากษาคือการพิสูจน์อัตลักษณ์ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับจำเลย ซึ่งในกรณีเฉพาะนี้ได้ให้ข้อมูลส่วนตัวที่เป็นเท็จ ศาลยืนยันว่า แม้ว่าจำเลยจะให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของตนเอง แต่ CUI ที่กำหนดให้กับจำเลยนั้นช่วยให้สามารถระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองสิทธิของจำเลยและการดำเนินคดีอาญาอย่างถูกต้อง
จำเลยที่ให้ข้อมูลส่วนตัวที่เป็นเท็จ - การกำหนดรหัสประจำตัวเฉพาะ - ความแน่นอนของอัตลักษณ์ทางกายภาพ - เหตุผล ในเรื่องของการพิสูจน์อัตลักษณ์ส่วนบุคคล จำเลยที่ให้ข้อมูลส่วนตัวที่เป็นเท็จจะต้องถือว่าได้รับการระบุตัวตนอย่างสมบูรณ์ผ่านกระบวนการที่ท้ายที่สุดแล้วได้มีการกำหนดรหัสประจำตัวเฉพาะ (CUI) ซึ่งทำให้จำเลยแตกต่างจากบุคคลอื่นได้อย่างชัดเจน
หลักการสำคัญนี้เน้นย้ำว่ารหัสประจำตัวเฉพาะ (CUI) ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลข แต่เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นในการรับประกันว่าแต่ละบุคคลจะได้รับการยอมรับอย่างมีเอกลักษณ์และแตกต่างภายในระบบกฎหมาย ดังนั้น คำพิพากษาจึงเน้นย้ำว่าการกำหนด CUI ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการคุ้มครองกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องและความสมบูรณ์ของระบบกฎหมาย
มาตรากฎหมายเหล่านี้ ร่วมกับคำพิพากษาในอดีต เช่น คำพิพากษาที่ 11082 ปี 2017 และที่ 32082 ปี 2014 แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการรับประกันความแน่นอนของอัตลักษณ์ส่วนบุคคลในกระบวนการพิจารณาคดีอาญา ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
คำพิพากษาที่ 48103 ปี 2023 ถือเป็นก้าวสำคัญในการควบคุมอัตลักษณ์ส่วนบุคคลในกฎหมายอาญา การนำรหัสประจำตัวเฉพาะมาใช้จึงปรากฏเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการรับประกันการเคารพสิทธิของจำเลยและประสิทธิภาพของกระบวนการพิจารณาคดีอาญา ความแน่นอนของอัตลักษณ์ทางกายภาพไม่ใช่เพียงแค่แง่มุมทางเทคนิค แต่เป็นหลักการพื้นฐานสำหรับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะต้องได้รับการคุ้มครองและเคารพเสมอ