คำสั่งศาลฎีกาฉบับล่าสุดที่ 20036 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2024 ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับเขตอำนาจศาลในเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของกระบวนการล้มละลายและการประนอมหนี้ ประเด็นหลักเกี่ยวข้องกับสถานะทางกฎหมายของผู้ที่เกี่ยวข้องและสิทธิของพวกเขาในการเรียกร้องค่าเสียหายจากกรมสรรพากร
ในคำสั่งศาลนี้ ศาลได้วินิจฉัยว่า "คำร้องขอชดใช้ค่าเสียหายที่ยื่นฟ้องต่อกรมสรรพากร เนื่องจากการลงคะแนนเสียงคัดค้านข้อเสนอการปรับโครงสร้างหนี้ที่ลดลงตามที่กำหนดไว้ในการประนอมหนี้ อยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรม เนื่องจาก การแสดงออกซึ่งคะแนนเสียงดังกล่าวไม่สามารถถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งทางปกครอง ดังนั้น สถานะทางกฎหมายส่วนบุคคลที่ผู้ฟ้องร้องอ้างสิทธิ์จึงไม่เข้าไปแทรกแซงการใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ"
โดยทั่วไป คำร้องขอชดใช้ค่าเสียหายที่ยื่นฟ้องต่อกรมสรรพากร เนื่องจากการลงคะแนนเสียงคัดค้านข้อเสนอการปรับโครงสร้างหนี้ที่ลดลงตามที่กำหนดไว้ในการประนอมหนี้ อยู่ในเขตอำนาจของศาลยุติธรรม เนื่องจาก การแสดงออกซึ่งคะแนนเสียงดังกล่าวไม่สามารถถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งทางปกครอง ดังนั้น สถานะทางกฎหมายส่วนบุคคลที่ผู้ฟ้องร้องอ้างสิทธิ์จึงไม่เข้าไปแทรกแซงการใช้อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ
ดังนั้น ศาลจึงได้กำหนดขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างเขตอำนาจศาลยุติธรรมและเขตอำนาจศาลปกครอง ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการกำหนดประเภทของศาลที่จะต้องพิจารณาข้อพิพาท เขตอำนาจศาลยุติธรรมมีอำนาจเมื่อเกี่ยวข้องกับสิทธิส่วนบุคคล เช่น ในกรณีนี้ ซึ่งการลงคะแนนเสียงคัดค้านของกรมสรรพากรส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิทธิของเจ้าหนี้
คำสั่งศาลนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการทำความเข้าใจเขตอำนาจศาลในเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย เน้นย้ำถึงความสำคัญของการตีความกฎหมายอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายที่อยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและกฎหมายล้มละลาย ซึ่งคุ้มครองสิทธิของผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการล้มละลาย ผู้ปฏิบัติงานด้านกฎหมายควรพิจารณาถึงผลกระทบของคำพิพากษานี้อย่างรอบคอบ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างเขตอำนาจศาลยุติธรรมในบริบทที่หน่วยงานรัฐใช้อำนาจดุลยพินิจ