คำพิพากษาล่าสุดที่ 48749 ของศาลฎีกา ซึ่งยื่นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2023 ได้ให้ข้อคิดที่สำคัญในประเด็นที่ละเอียดอ่อน: การบรรจบกันระหว่างสิทธิในการต่อสู้คดีและการใส่ร้าย ประเด็นของคำตัดสินนี้เกี่ยวข้องกับการกล่าวหาที่เป็นการใส่ร้ายซึ่งผู้ต้องหาได้กระทำในระหว่างการสอบสวน และการที่การกระทำดังกล่าวไม่ได้รับการยกเว้นโทษตามมาตรา 51 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาลได้ตัดสินว่าคำกล่าวหาที่ผู้ต้องหาได้กล่าวหาบุคคลที่สาม ในขณะที่ผู้ต้องหารู้ถึงความบริสุทธิ์ของบุคคลเหล่านั้น จะไม่สามารถได้รับประโยชน์จากการยกเว้นโทษที่กำหนดไว้สำหรับการใช้สิทธิในการต่อสู้คดีได้ การตัดสินใจนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการตีความกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเน้นย้ำว่าความผิดฐานใส่ร้ายไม่ได้อยู่ในบรรดาความผิดที่การกระทำนั้นจะได้รับการยกเว้นความผิดตามมาตรา 384 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายอาญา
คำกล่าวหาที่เป็นการใส่ร้ายซึ่งผู้ต้องหาได้กระทำ - การใช้สิทธิในการต่อสู้คดี - การยกเว้นโทษตามมาตรา 51 แห่งประมวลกฎหมายอาญา - การบังคับใช้ - การยกเว้น - เหตุผล คำกล่าวหาที่เป็นการใส่ร้ายซึ่งผู้ต้องหาได้กระทำในระหว่างการสอบสวน ต่อบุคคลที่สาม ในขณะที่รู้ถึงความบริสุทธิ์ของบุคคลเหล่านั้น จะไม่ได้รับการยกเว้นโทษจากการใช้สิทธิในการต่อสู้คดี ตามมาตรา 51 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (ในส่วนของเหตุผล ศาลได้ชี้แจงว่าการที่ความผิดฐานใส่ร้ายไม่ถูกรวมอยู่ในบรรดาความผิดที่การกระทำนั้นจะได้รับการยกเว้นความผิดตามมาตรา 384 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายอาญา หมายความว่า การต่อสู้คดีที่กระทำผ่านการกล่าวหาที่เป็นการใส่ร้าย จะไม่เป็นการยกเว้นความเป็นอาชญากรรมของพฤติกรรมนั้น 'โดยปริยาย')
คำตัดสินของศาลฎีกานี้อาจมีผลกระทบสำคัญในการปฏิบัติทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการต่อสู้คดีของผู้ถูกกล่าวหา นี่คือประเด็นสำคัญบางประการที่ควรพิจารณา:
คำพิพากษาที่ 48749 ปี 2023 ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าการใช้สิทธิในการต่อสู้คดีไม่สามารถนำมาใช้เป็นเกราะกำบังเพื่อแก้ต่างพฤติกรรมที่เป็นการใส่ร้ายได้ การตีความกฎหมายนี้เป็นการเสริมสร้างความสำคัญของการต่อสู้คดีที่มีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบ ซึ่งเคารพสิทธิของผู้อื่นและไม่นำไปสู่การโจมตีที่ไม่มีมูลความจริง ความหวังคือคำตัดสินนี้จะเป็นเครื่องยับยั้งพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันในอนาคต และส่งเสริมการใช้สิทธิในการต่อสู้คดีอย่างมีสติ โดยเคารพกฎหมายและหลักการแห่งความยุติธรรม